ทึ่ง!!! "บัวหิมะ" มากสรรพคุณ ลดน้ำหนักก็ดี ต้านมะเร็ง ลดโคเลสเตอรอล และอื่นอีกมากมาย

ถ้าพูดถึงคำว่า บัวหิมะ หลายคนก็คงจะนึกถึงครีมจากแดนมังกรที่มีสรรพคุณในการช่วยรักษาบาดแผลต่าง ๆ ซึ่งน้อยคนจะทราบว่าจริง ๆ แล้วชื่อนี้ยังเป็นชื่อของพืชกินหัวอีกชนิดเช่นกัน วันนี้กระปุกดอทคอมเลยจะหยิบเอาพืชที่มีชื่อเดียวกันนี้มาให้ทุกคนทำความรู้จักกันให้มากขึ้น ขอบอกเลยว่าพืชชนิดนี้กินได้ แถมยังดีต่อสุขภาพ ใครอยากมีสุขภาพดี พืชชนิดนี้ก็เป็นทางเลือกที่น่าลิ้มลอง


บัวหิมะ หรือ ผลบัวหิมะ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Smallanthus sonchifolius ชื่อภาษาอังกฤษเรียกว่า Yacon หรือที่คนจีนรู้จักกันในชื่อ เสวี่ยเหลียนกว่อ เป็นพืชใต้ดิน มีต้นกำเนิดใน ประเทศแถบอเมริกาใต้




อยู่ในวงศ์เดียวกับดอกทานตะวัน มีลักษณะต้นคล้ายกับมันเทศ ความสูงของต้น 2-3 เมตร ลักษณะดอกคล้ายกับดอกเดซี่ มีกลีบดอกเล็ก ๆ สีเหลืองประมาณ 14-15 กลีบ ในแต่ละต้นเมื่อโตเต็มที่จะมีดอกประมาณ 4-5 ดอก



ผลบัวหิมะมักถูกนำมาใช้รับประทานเป็นอาหารและผลิตเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติ เช่น น้ำเชื่อมบัวหิมะ เนื่องจากอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามิน ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี เซเลเนียม นอกจากนี้ยังเป็นพืชที่มีแคลอรีไม่สูงมากนัก โดยผลบัวหิมะ 100 กรัม มีพลังงาน 54 กิโลแคลอรี ทำให้ผลบัวหิมะกลายเป็นอาหารในการลดน้ำหนักที่ได้รับความสนใจไม่น้อย

บัวหิมะ สรรพคุณทรงคุณค่า ที่ไม่ได้มีดีแค่รสชาติอร่อย

บัวหิมะเป็นพืชที่มีสรรพคุณเกี่ยวกับสุขภาพมากมาย เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหาร โดยประโยชน์ของบัวหิมะมีดังนี้ค่ะ

1. ช่วยในการลดน้ำหนัก

 น้ำตาลจากธรรมชาติของบัวหิมะมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้ โดยการศึกษาในปี 2009 ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการ Clinical Nutrition เผยว่า ผู้หญิงที่รับประทานน้ำเชื่อมบัวหิมะในปริมาณ 0.14-0.29 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ติดต่อกันอย่างน้อย 120 วัน จะทำให้น้ำหนัก ดัชนีมวลกาย และรอบเอวลดลง ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าน้ำเชื่อมบัวหิมะจะเข้าไปสร้างความรู้สึกอิ่มให้กับร่างกาย ช่วยให้ความอยากอาหารลดลง

2. ลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์

ในบัวหิมะมีน้ำตาลชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ (Fructooligosaccharide) มีคุณสมบัติในการลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี โดยการศึกษาในปี 2011 ซึ่งตีพิมพ์ใน Chemico-Biological Interactions พบว่า หนูทดลองที่เป็นโรคเบาหวาน เมื่อได้อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของบัวหิมะติดต่อกันทุกวัน ระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี มีอัตราลดลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีการศึกษากับมนุษย์อันแสดงให้เห็นว่า การรับประทานบัวหิมะเป็นประจำจะช่วยลดไขมันทั้งสองชนิดได้เช่นกัน และเมื่อระดับไขมันทั้งสองชนิดนี้ลดลง ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดก็จะลดลงตามไปด้วย





3. ลดระดับน้ำตาลในเลือด

แม้ว่าบัวหิมะจะมีรสชาติหวาน แต่รสชาติหวานนี้ก็มาจากอินูลิน (Inulin) ซึ่งเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติ โดยมีการศึกษาพบว่า อินูลินเป็นสารที่ส่งผลดีต่อการทำงานของอินซูลินในร่างกาย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 การรับประทานบัวหิมะเป็นประจำจะสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ อีกทั้งระดับความหวานของบัวหิมะยังน้อยกว่าระดับความหวานของน้ำตาลกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าบัวหิมะเป็นอาหารที่ผู้ป่วยเบาหวานสามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องกลัวเรื่องระดับน้ำตาลค่ะ

4. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและความดันโลหิต

บัวหิมะเป็นพืชที่ขึ้นชื่อว่าดีกับสุขภาพหัวใจ เพราะในบัวหิมะมีระดับโพแทสเซียมสูง โดยโพแทสเซียมมีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือด ช่วยผ่อนคลายระบบหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ออกซิเจนในเลือดเพิ่มขึ้น ลดความดันโลหิต และทำให้ความเสี่ยงโรคหัวใจลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดหัวใจของผู้ป่วยได้อีกต่างหาก อีกทั้งโพแทสเซียมในบัวหิมะยังช่วยควบคุมสมดุลของเหลวในเนื้อเยื่อและเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายร่วมกับโซเดียม แต่ทั้งนี้ก็ควรบริโภคอาหารที่มีโซเดียมอย่างพอเหมาะด้วยค่ะ

5. ต้านมะเร็ง

 การศึกษาในปี 2011 ในวารสารทางวิชาการ Fitoterapia พบว่า บัวหิมะมีสรรพคุณช่วยยับยั้งการเจริญเติบโต ยับยั้งการแพร่กระจาย และการกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็งได้ ทำให้ความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนัง โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และโรคมะเร็งของเลือดทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ โรคมะเร็งไขกระดูก โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวลดลง อีกทั้งในบัวหิมะยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ไม่ให้ถูกอนุมูลอิสระทำลายจนเกิดการอักเสบต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งได้

6. ป้องกันภาวะไขมันพอกตับ

นอกจากจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในร่างกายแล้ว จากการศึกษาในปี 2008 ยังพบว่า การรับประทานบัวหิมะควบคู่กับสารไซลิมาริน (Silymarin) จะส่งผลดีต่อผู้ป่วยที่มีการเผาผลาญของร่างกายผิดปกติจนทำให้อ้วนลงพุงได้อีกด้วย โดยในการศึกษาแสดงให้เห็นว่า เมื่ออาสาสมัครรับประทานบัวหิมะวันละ 2.4 กรัม และสารไซลิมาริน (Silymarin) วันละ 0.8 กรัม ติดต่อกัน 90 วัน ระดับของคอเลสเตอรอลลดลง และปริมาณไขมันสะสมในตับก็ลดลงด้วย ทำให้ความเสี่ยงภาวะไขมันพอกตับลดลงค่ะ





7. สร้างเสริมระบบขับถ่าย ลดอาการท้องผูก

โพรไบโอติกส์ในบัวหิมะเป็นแบคทีเรียชนิดที่ดีต่อร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ทำให้อาการท้องผูก ท้องอืด และปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่ายต่าง ๆ ที่่อาจนำมาสู่การเกิดเนื้องอกในกระเพาะอาหารหรือโรคมะเร็งลำไส้ลดลงได้ ขณะที่ไฟเบอร์ในบัวหิมะก็ยังช่วยสร้างเสริมระบบขับถ่ายได้อีกทางหนึ่งด้วย ได้ประโยชน์หลายต่อแบบนี้ต้องหามาลองกันแล้วล่ะ


เห็นประโยชน์ดี ๆ ของบัวหิมะกันไปแล้ว ใครสนใจก็ลองหามาลองลิ้มชิมรสได้นะคะ แต่ก็มีข้อควรระวังเพราะเจ้าพืชชนิดนี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงได้ ดังนั้นหากเคยมีประวัติการแพ้พืชกินหัว อย่างเช่น มันฝรั่ง ควรหลีกเลี่ยงไว้ก่อนจะดีกว่า แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าจะแพ้หรือไม่ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพค่ะ

ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!(Like)
ชื่นชอบข่าวนี้ อยากแชร์ต่อให้เพื่อนๆ



ที่มา :kapook
Previous
Next Post »