แจก 4 สูตร ทำน้ำพริกกะปิ ทำให้อร่อย ทำอย่างไร


น้ำพริกกะปิ 4 สูตร การทำให้อร่อยนั้นสิ่งที่ต้องเตรียมก่อนก็คือ กะปิอย่างดี กระเทียมต้องกลีบเล็กๆๆจะได้หอมและพริกขี้หนูสวนรวมทั้งการใช้นำ้ตาลมะพร้าว และมะนาวสดๆ หหากต้องการลูกเล่นเพิ่มเติมกลิ่นได้เช่นการใช้ลูกกระสังข์ไส้ในมาโขลกด้วยกลิ่นของลูกกระสังข์จะช่วยเพิ่มรสชาติที่หอมเย็นและถ้าบางท่านชอบมะม่วงสดโขลกผสมก็จะได้น้ำพริกมะม่วงซึ่งการหาวัตถุดิบเหล่านี้ขึ้นอยู่กับพืชผักในท้องถ่นที่มีอยู่




น้ำพริกกะปิ (สูตร 1)


เครื่องปรุง
กะปิห่อใส่ใบตองเผาไฟพอหอม 300 กรัม
กุ้งแห้งป่น 200 กรัม
กระเทียมสดแกะเปลือก 100 กรัม
พริกขี้หนูสวน 50-70 กรัม
มะเขือเปราะเอาเมล็ดออกซอยเป็นเสี้ยว ๆ 50 กรัม
มะอึกซอยละเอียด 50 กรัม
น้ำมะนาว 6-8 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2-4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ 3-5 ช้อนโต๊ะ

วิธีปรุง
นำกะปิโขลกกับกระเทียม พริกขี้หนู พอเริ่มละเอียดใส่กุ้งแห้งป่นโขลกต่อให้เข้ากัน
ใส่มะเขือเปราะ มะอึก ใช้สากค่อย ๆ โขลกเบา ๆ เคล้าให้เข้ากัน
ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลปีบให้ทั้งสามรสคลอ ๆ กันไป หวานตามหลังนิดหน่อย
บางรายใส่ผิวมะนาวซอยละเอียดลงไปก็ได้กลิ่นหอมของผิวมะนาว
รสออกขมฝาดนิด ๆ แต่ก็กลมกลืนกับกะปิและรสชาติรวม ๆ ของน้ำพริก
บางรายใส่มะม่วงสับ มะขามอ่อนแล้วแต่ฤดูกาล โดยเฉพาะฤดูมะนาวแพง
แต่เป็นช่วงที่มะม่วงออกสู่ตลาดจึงใช้ความเปรี้ยวของมะม่วงแทนได้
โดยซอยสับแบบมะละกอส้มตำ หากให้มีกลิ่นหอมใส่แมงดาลงไปก็ดี

น้ำพริกกะปิรับประทานกับปลาทูนึ่งทอด ปลาทอดอื่น ๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด
แนมด้วยผักสด ผักทอด ผักทอดชุบไข่ ผักต้ม น้ำพริกกะปิ
หากใครทำอร่อยจริงๆ ขายได้แน่นอน เพราะวิถีชีวิตไทยกับน้ำพริกกะปิขาดกันไม่ได้
น้ำพริกพื้นบ้านที่นิยมรับประทานมากที่สุด คนไทยทุกคนรู้จักมีการประยุกต์
เพื่อความเหมาะสมตามแต่วัตถุดิบที่มีในครัว ไม่ถือเป็นกฏตายตัว
เช่น บางรายใส่มะอึก มะเขือเปราะซอยหรือมะเขือพวงบุบพอกแตกช้ำ ๆ
ผิวมะนาวซอยละเอียดซึ่งแต่ละอย่างที่ใส่ไปให้รสชาติใกล้เคียงกัน

แหล่งที่มา : แม่บ้าน น้ำพริก โดย ทวีศักดิ์ เกษปทุม. นิตยสารแม่บ้าน

น้ำพริกกะปิ (สูตร 2)


เครื่องปรุง
กะปิเผาไฟพอหอม 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมปอกเปลือกแล้วซอยหยาบ ๆ 1 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้งป่น 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูเด็ดก้าน 1 ช้อนชา
มะอึกสุกหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
ลูกกระสังข์ใส้ใน ซอย (ไม่ใส่ก็ได้) 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ 2-3 ช้อนโต๊ะ
มะเขือพวงหรือมะเขือเปราะซอย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. โขลกกะปิกับกระเทียมให้ละเอียด ใส่กุ้งแห้งโขลกรวมกัน ใส่พริกขี้หนู มะอึก ระกำ มะเขือพวง
ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลาและน้ำมะนาว ชิมรสตามต้องการ

2. รับประทานกับผักต้มราดกะทิ เช่น ถั่วพู ถั่วฝักยาว หน่อไม้ ตำลึง ผักกระเฉด ฯลฯ
หรือผักสดต่าง ๆ เช่น แตงกวา มะเขือสด ผักบุ้ง กระถินหรือผักชุบไข่ทอด เช่น ชะอม มะเขือยาว

3. จัดแนมกับน้ำพริกคือ ปลาทูทอด ปลาช่อนทอด ปลาดุกย่าง

หมายเหตุ
ใช้มะม่วงดิบซอยแทนมะนาวหรือมะดันซอย หรือมะขามอ่อน ตามแต่ฤดูกาล




น้ำพริกกะปิกุ้งนา


เครื่องปรุง
พริกขี้หนูแห้ง 200 กรัม
หอมแดง 300 กรัม
กระเทียม 150 กรัม
กะปิใส่ใบตองเผาพอหอม 5 ช้อนโต๊ะ
มะขามเปียก 300 กรัม
น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
เกลือ 1-2 ช้อนโต๊ะ
กุ้งนาต้มสุก 300 กรัม
น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีปรุง
- นำพริกขี้หนู หอมแดง กระเทียมแกะเปลือก ล้างแล้วนำไปคั่วน้ำมันพอเริ่มสุก นำขึ้นพักไว้
และนำมะขามมาละลายน้ำ
- นำกุ้งนาที่ต้มแล้ว ค่อย ๆ โขลกละเอียด
- นำพริกขี้หนูแห้ง หอมแดง กระเทียม กะปิ โขลกด้วยกันจนละเอียด แล้วนำไปผัดน้ำมันจนหอม
จึงใส่กุ้งนาที่โขลกไว้เข้าด้วยกัน ผัดต่อไปจนได้ที่ สังเกตดูจะเป็นเนื้อเดียวกับน้ำพริก
จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำมะขาม น้ำตาลปี๊บ เกลือตามใจชอบ
จะได้น้ำพริกกุ้งนา สามารถเก็บไว้ได้นานในตู้เย็น
รับประทานกับผักสดเช่น แตงกวา มะเขือเปราะ ถั่วพู กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว
และถ้าจะรับประทานกับผักต้มก็ได้

เป็นน้ำพริกกะปิทั่วไปแต่ใส่กุ้งนาก็คือกุ้งฝอย มีตามหนองน้ำใหญ่ ๆ กลางทุ่งท้องนา
โดยจะอยู่ชาย ๆ ตลิ่งนำมาโขลกแล้วเข้ากับเครื่องน้ำพริก
ให้รสชาติที่กลมกลืนเข้มข้นมากกว่าน้ำพริกกะปิธรรมดา

แหล่งที่มา : แม่บ้าน น้ำพริก โดย ทวีศักดิ์ เกษปทุม. นิตยสารแม่บ้าน

น้ำพริกกะปิดี


เครื่องปรุง
กะปิดี (ห่อใบตองเผา) 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 1 หัว
พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด
น้ำมะนาว 1 ผล
น้ำปลาด 1 ช้อนชา
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
มะเขือพวง 10 เม็ด
มะอึกขูดขน (หั่นละเอียด) 1 ลูก




วิธีปรุง
นำกะปิ กระเทียม พริกขี้หนูใส่ครก โขลกแตกไม่ต้องละเอียดนักก็ได้
ใส่มะอึก มะเขือพวงตามลงไป โขลกพอบุบให้แตกเล็กน้อย
เสร็จตักใส่ถ้วยปรุงรสด้วยน้ำปลาดี น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ชิมรสตามต้องการ
รับประทานกับผักสดหรือข้าวสวยร้อน ๆ แถมปลาทูทอดตัวสวย ๆ สักตัวก็เข้ากันดีทีเดียว

ขอบคุณข้อมูลจาก banraithaifood

ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!(Like)
ชื่นชอบข่าวนี้ อยากแชร์ต่อให้เพื่อนๆ

Previous
Next Post »